fbpx

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

บริษัท เดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์เปอเรชั่น จำกัด

บริษัท เดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์เปอเรชั่น จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นรากฐานในการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่น่าเชื่อถือกับลูกค้าและคู่ค้า บริษัท จึงยึดมั่นในการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎเกณฑ์ทางการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อจัดให้มีวิธีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมสำหรับการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่บริษัท ทำการรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กฎหมายและกฎเกณฑ์ทางการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ มีเนื้อหาที่ครอบคลุมถึงประเภทของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้

  • ผู้ใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ของบริษัท เช่น ผู้ใช้งานบุคคลทั่วไป พนักงานของนิติบุคคลผู้ดูแลอาคารชุดหรือหมู่บ้าน 
  • เจ้าของกรรมสิทธิ์ ผู้อยู่อาศัย หรือ ผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในโครงการซึ่งบริษัทเป็นผู้ให้บริการ
  • เจ้าของกรรมสิทธิ์ หรือผู้ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ที่ประกาศผ่านแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ของบริษัท
  • ผู้ที่ทำธรุกรรมต่าง ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ของบริษัท
  • ผู้ให้บริการ หรือคู่ค้าของบริษัท ทั้งในฐานะบุคคลธรรมดา หรือ ผู้แทนของนิติบุคคล
  • พนักงาน หรือลูกจ้างของบริษัท ผู้สมัครที่มีความประสงค์จะเข้าทำงานกับบริษัท รวมถึงครอบครัว บุคคลอ้างอิง และผู้ติดต่อฉุกเฉินของพนักงานหรือผู้สมัครงานด้วย

 (ต่อไปนี้จะขอเรียกรวมกันว่า “ท่าน” หรือ “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล”)

1.ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย

บริษัท จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

ประเภท
ข้อมูลส่วนบุคคล
ตัวอย่างข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย
ข้อมูลรายละเอียดส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล, วัน/เดือน/ปีเกิด, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน, หมายเลขหนังสือเดินทาง, เพศ, อายุ, สัญชาติ, รูปถ่าย, ลายมือชื่อ, สถานภาพสมรส และคู่สมรส
ข้อมูลการติดต่อ
ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล์, LINE ID, หรือ บัญชี Social media ต่างๆ
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรม และข้อมูลทางการเงิน
ประวัติการใช้บริการ, ข้อมูลการขอเข้าเมือง (VISA) และใบอนุญาตทำงาน (Work permit)สำเนาโฉนดที่ดิน, สำเนาทะเบียนบ้าน, หมายเลขบัญชีธนาคาร, หมายเลขบัตรเครดิต, ข้อมูลเกี่ยวกับสินเชื่อ
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์
หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP address), บัญชีผู้ใช้งาน, คุ้กกี้, ข้อมูลและประวัติการเข้าถึงแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์ของบริษัท
ข้อมูลเกี่ยวกับพนักงาน
ศาสนา, ข้อมูลสุขภาพ (เช่น หมู่เลือด, ประวัติสุขภาพ เป็นต้น), ข้อมูลพันธุกรรมหรือข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ เป็นต้น), พฤติกรรมทางเพศ

2.วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายของบริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีวัตถุประสงค์และอาศัยฐานทางกฎหมายสำหรับการการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

ฐานทางกฎหมาย กิจกรรม/วัตถุประสงค์ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ฐานหน้าที่ตามกฎหมาย
1.เพื่อให้การดำเนินการของบริษัท สอดคล้องกับกฎหมาย หลักเกณฑ์ และระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับกับบริษัท เช่น กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล, กฎหมายภาษีอากร, กฎหมายแรงงาน, กฎหมายประกันสังคม, กฎหมายตรวจคนเข้าเมือง, รวมถึงคำสั่งศาล หรือหน่วยงานอื่นๆ ของรัฐ เป็นต้น

2.เพื่อดำเนินการต่าง ๆ ภายใต้การสืบสวนของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานกำกับดูแล
ฐานสัญญา และการปฏิบัติตามสัญญา
1.เพื่อการให้บริการ และดำเนินธุรกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท อาทิ การใช้งานแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ของบริษัท งานบริการด้านความปลอดภัย และ กิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานนิติบุคคลอาคารชุด นิติบุคคลบ้านจัดสรร

2.เพื่อดำเนินการจัดทำสัญญาซื้อขาย เช่า หรือนิติกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการที่เกี่ยวข้องในการเข้าทำนิติกรรมดังกล่าว

3.เพื่อการชำระเงิน (ข้อมูลบัตรเครดิตจะถูกจัดเก็บและถูกตรวจสอบผ่านทางระบบชำระเงินผ่านบุคคลที่สาม ข้อมูลนี้จะไม่ถูกจัดเก็บอย่างถาวรในเซิร์ฟเวอร์ขอบริษัท และจะถูกลบทันทีหลังจากผ่านระบบการตรวจสอบโดยระบบชำระเงินของบุคคลที่สาม เพื่อตรวจสอบตัวตนของท่าน)

4.เพื่อยืนยัน และ/หรือ ระบุตัวตนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการเข้าใช้บริการผ่านช่องทางต่างๆ หรือการติดต่อกับบริษัท

5.เพื่อการดำเนินการตามความประสงค์ หรือเรื่องร้องเรียนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้แจ้งไว้กับบริษัท

6.เพื่อใช้ในการขึ้นทะเบียนและยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ รวมถึงการติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการของบริษัท

7.เพื่อใช้ในการการขึ้นทะเบียนคู่ค้า การจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามสัญญาว่าจ้าง และการทำธุรกรรมทางการเงิน

8.เพื่อวัตถุประสงค์ในการจ้างงาน ประเมินผลการปฏิบัติงาน การจ่ายค่าจ้างและผลประโยชน์ต่างๆ รวมถึงการดำเนินการอื่นๆ หรือการติดต่อสื่อสารที่เกี่ยวข้องกับการทำงานภายใต้สัญญาจ้างงาน
ฐานประโยชน์อันชอบธรรม
1.เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน การตรวจสอบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงการบริการ การวิเคราะห์การใช้งานด้านบริการ การสำรวจการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การพิจารณาการดำเนินงานและขยายธุรกิจของบริษัท ทั้งนี้ โดยอยู่ภายใต้กระบวนการที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวตนเจ้าของข้อมูลได้ (Anonymization) และอยู่ภายใต้มาตรฐานการรักษาปลอดภัยของข้อมูลที่เหมาะสม

2.เพื่อการดำเนินการภายใน แก้ไขปัญหาของเว็บไซต์ วิเคราะห์ข้อมูล ทดสอบ วิจัย เพื่อความปลอดภัย การตรวจสอบการบิดเบือน และการจัดการบัญชีผู้ใช้

3.เพื่อตรวจสอบและป้องกันการกระทำที่ละเมิดหรืออาจจะละเมิดต่อกฎหมาย

4.เพื่อปกป้องการดำเนินธุรกิจของบริษัท รวมถึงการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยหรือทรัพย์สินของบริษัท บุคคลากร และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือบุคคลอื่น

5.เพื่อการสอบสวนหรือตรวจสอบภายในด้านต่างๆ เช่น ด้านความปลอดภัย ด้านการปฏิบัติงาน เป็นต้น

6.เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริษัท รวมถึงเยียวยา ป้องกัน หรือจำกัดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

7.เพื่อติดต่อสื่อสารทางธุรกิจกับผู้แทน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลซึ่งเป็นคู่ค้า หรือคู่สัญญาของบริษัท

8.เพื่อการติดต่อสื่อสารกับผู้ที่มีความสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้องกับพนักงานของบริษัทในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน หรือสอบถามข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน
ฐานความยินยอม
1.เพื่อการนำเสนอสิทธิประโยชน์หรือบริการอื่นๆ ของบริษัท การส่งข้อเสนอเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการ รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ ในการส่งเสริมกิจกรรมทางการตลาด และการตลาดแบบตรง

2.เพื่อเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน

ในกรณีที่ท่านไม่อาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท การดำเนินการที่จำเป็นต้องใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจล่าช้า หรือไม่อาจดำเนินการได้

3.ระยะเวลาการเก็บรักษา

 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านยังคงใช้บริการ หรือยังคงมีความสัมพันธ์กับบริษัทไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง และจะยังคงเก็บรักษาต่อไปเป็นระยะเวลา 10 ปีหลังจากที่ความสัมพันธ์ของท่านกับบริษัทสิ้นสุดลง หลังจากนั้นบริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ เว้นแต่ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นทางกฎหมาย หรือเหตุผลทางเทคนิครองรับ

4.การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกจำกัดไว้เฉพาะแก่บุคคลที่มีความจำเป็นในการรับรู้ข้อมูล (Need to know) ทั้งนี้เพื่อดำเนินการตามหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการทำงานเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ได้ระบุไว้ในนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ 

อย่างไรก็ตามบริษัทอาจเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือให้กับผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. บุคคลภายนอกที่กฎหมายกำหนด – บริษัทอาจต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย รวมถึงคำสั่งที่ออกตามกฎหมายของหน่วยงานรัฐต่างๆ 
  2. กลุ่มบริษัทที่มีความเกี่ยวข้อง และบริษัทในเครือของบริษัท – บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่บริษัทอื่นๆ เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด โดยได้รับความยินยอมจากท่าน
  3. ผู้ให้บริการแก่บริษัท – บริษัทอาจใช้บริการบุคคลภายนอกเพื่อช่วยในการดำเนินการต่างๆ ของบริษัท เช่น ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ นักพัฒนาเว็บไซต์ สื่อดิจิทัล, ผู้ให้บริการการขนส่ง, ผู้ให้บริการด้านการชำระเงินและระบบการเงิน, ผู้ให้บริการด้านการวิจัยและวิเคราะห์, ผู้ตรวจสอบบัญชี, ผู้ให้บริการด้านการตลาดและงานกิจกรรม, ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมสื่อสาร, ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและคลาวด์, ผู้ให้บริการด้านการพิมพ์, ทนายความ, ที่ปรึกษากฎหมาย, ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บและ/หรือทำลายเอกสาร และ/หรือผู้ประกอบวิชาชีพอื่นๆ ทั้งนี้ โดยบริษัทจะกำหนดให้ผู้ให้บริการดำเนินการเพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และต้องห้ามมิให้ผู้รับเหมาใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากเพื่อสนับสนุนกิจกรรมหรืองานของบริษัท
  4. ผู้ที่ได้รับมอบหมายให้จัดการ หรือดูแลผลประโยชน์แทนท่าน – เช่น บุคคลผู้ติดต่อ ตัวแทน หรือผู้แทนโดยชอบธรรมของท่านตามกฎหมาย
  5. บุคคลใดๆ ที่บริษัทได้รับคำสั่งจากท่านให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลดังกล่าว

6.สิทธิของท่าน

ท่านมีสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล โดยท่านอาจใช้สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังต่อไปนี้ เว้นแต่บริษัทจะมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย

  1. สิทธิในการถอนความยินยอม – ท่านมีสิทธิในการถอนความยินยอมของท่าน การถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้ว
  2. สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล – ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรักษาไว้
  3. สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล – ท่านมีสิทธิที่จะขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานโดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก
  4. สิทธิคัดค้าน – ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ 
  5. สิทธิในการขอให้ลบ – ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทลบ ทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ ในกรณีที่บริษัทหมดความจำเป็น หรือไม่มีสิทธิตามกฎหมายในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว 
  6. สิทธิในการขอให้ระงับ – ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้อง หรืออยู่ในระหว่างที่บริษัท พิจารณาคำขอในการใช้สิทธิคัดค้านของท่าน หรือในกรณีที่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลาย 
  7. สิทธิในการขอแก้ไข – ท่านมีสิทธิในการขอให้บริษัทดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด 
  8. สิทธิในการร้องเรียน – ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทไม่ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ ท่านสามารถใช้สิทธิของท่านได้ โดยติดต่อมายังบริษัทตามรายละเอียดการติดต่อในข้อ 9. โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำขอฯ ของท่านภายใน 30 วัน ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำขอฯ ของท่านในกรณีที่มีกำหนดกฎหมายไว้

7.การเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ภายนอก

ว็บไซต์ของบริษัทจะมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ของบุคคลที่สามซึ่งเว็บไซต์เหล่านั้นอาจมีนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่แตกต่างจากของบริษัท ขอให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลศึกษานโยบายข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์นั้นๆ เพื่อเข้าใจถึงรายละเอียดการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อตัดสินใจในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม

8.การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้

บริษัทอาจปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ได้ในอนาคต ทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการดำเนินงานของบริษัท หรือเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่มีการเปลี่ยนแปลงไป

9.ช่องทางในการติดต่อ

หากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ หรือมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิของท่านตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ กรุณาติดต่อ

บริษัท เดอะ ลีฟวิ่ง โอเอส คอร์เปอเรชั่น จำกัด

สำนักงาน: เลขที่ 100/1 อาคารวรสมบัติ ชั้น 15 ห้อง 15L ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. 10310

เว็บไซต์: https://www.thelivingos.com

ศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ของบริษัท (Call Center) 02-481-5234

อีเมล: support@thelivingos.com

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สำนักงาน: เลขที่ 100/1 อาคารวรสมบัติ ชั้น 15 ห้อง 15L ถนนพระราม 9 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. 10310

อีเมล: support@thelivingos.com

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ประกาศไว้เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2567 (ฉบับที่ 2) 

Thank You

Your form is submitted and we received the email.