การตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้คนในปัจจุบันต่างก็มีการให้น้ำหนักส่วนสำคัญที่แตกต่างกันออกไป โดยเราอาจคุ้นเคยกับการนำเสนอจุดขายในแต่ละโครงการบ้านหรือคอนโดที่มักจะเน้นเรื่องโลเคชั่นหรือสถานที่ตั้งของโครงการเป็นหลัก จากการขยายตัวของโครงการบ้าน คอนโด ทำให้เกิดทางเลือกของที่อยู่อาศัยอย่างหลากหลาย มีให้เลือกตั้งแต่โครงการเล็กๆจนไปถึงโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้คนจำนวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนโดที่มีการอยู่อาศัยของผู้คนจำนวนมาก ระบบรักษาความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง ต้องมีความหนาแน่นและสามารถสร้างความสบายใจให้กับลูกบ้านได้

          ระบบรักษาความปลอดภัยภายในคอนโดและหมู่บ้านได้ถูกพัฒนามาอย่างต่อเนื่องเพราะถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากของการอยู่อาศัย ระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับความนิยมและใช้กันมากในปัจจุบัน คือ กล้องวงจรปิดหรือ CCTV, ระบบ Keycard, เครื่องสแกนนิ้วหรือสแกนใบหน้า และที่ขาดไม่ได้อย่างแน่นอนก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ช่วยเป็นหูเป็นตาในการเข้า-ออกของผู้มาติดต่อ รวมไปถึงการดูแลภาพรวมของความเรียบร้อยภายในโครงการ อีกหนึ่งหน้าที่สำคัญในการทำงานของพนักงานรักษาความปลอดภัยก็คือ การเดินตรวจจุดตามบริเวณที่โครงการกำหนด จะมีอุปกรณ์ช่วยตรวจสอบการทำงานว่าเข้าตรวจที่จุดจริงหรือไม่ โดยหากเราเรียงลำดับวิธีการเข้าตรวจจุดตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน สามารถสรุปสั้นๆให้เข้าใจง่ายดังนี้

1. ในยุคแรกเป็นการใช้สมุดบันทึกที่อาจจะแขวนไว้ตามจุดที่ต้องการให้เข้าไปตรวจสอบ หรือไว้ที่จุดหลักและใช้วิธีเดินตรวจก่อนค่อยกลับมาลงบันทึก ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าปฏิบัติงานตรวจบริเวณรักษาความปลอดภัยจริงหรือไม่

2. มีการใช้เทคโนยี QR Code ประยุกต์เข้ากับระบบตรวจจุด แต่วิธีก็ยังสามารถเกิดการทุจริตขึ้นได้ เนื่องจากสามารถเซฟรูปภาพ QR Code เผื่อใช้ในภายหลังโดยที่ไม่เข้าตรวจจุดได้

3. นาฬิกายาม เป็นอุปกรณ์ที่พนักงานรักษาความปลอดภัยจะต้องพกติดตัวเมื่อออกตรวจตามจุดที่กำหนด บริเวณพื้นที่ตรวจจุดจะมีตัวหมุดที่เป็นอุปกรณ์คลื่นความถี่ติดอยู่ แต่มีข้อเสียคือต้องยึดหมุดด้วยตะปูหรือกาวอีพอกซี่ โดยพนักงานรักษาความปลอดภัยแต่ละคนจะมีบัตรเป็นของตัวเองเพื่อเป็นการระบุตัวตนตอนที่เข้าตรวจจุด หลังจากนั้นจึงนำข้อมูลจากนาฬิกายามมาลงที่คอมพิวเตอร์เพื่อบันทึกผ่านโปรแกรมอีกครั้ง การใช้นาฬิกายามช่วยลดปัญหาการทุจริตและต้องเข้าตรวจจุดตามจริงแต่ในด้านของการทำงานยังมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนใช้ตัวอุปกรณ์ในการทำงานตรวจจุดหลายชนิด และปัจจุบันยังรองรับถึงแค่ Windows7

4. Smart Audit เทคโนโลยีเพื่องานตรวจจุดใหม่ล่าสุดจาก The LivingOS ที่จะทำงานให้งานตรวจจุดเพื่อรักษาความปลอดภัยง่าย สะดวกและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ด้วยการใช้งานสมาร์ทโฟนร่วมกับระบบNFCในการเข้าตรวจจุดและบันทึกข้อมูล ด้วยฟีเจอร์ที่สร้างความแตกต่างให้งานตรวจจุด

• แสดงผลผ่าน Dashboard รู้ข้อมูลได้ทันทีแบบ Real Time
• แสดงข้อมูลบน Dashboard เมื่อพบเหตุการณ์ผิดปกติในพื้นที่
• ป้องกันการทุจริตด้วยระบบ NFC ยืนยันการเข้าปฏิบัติงานในพื้นที่
• สามารถแนบรูปภาพและใส่ข้อมูลเพิ่มเติมได้
• บันทึกข้อมูลด้วยคำสั่ง “พิมพ์ด้วยเสียง”
• เพิ่มจุดตรวจได้ไม่จำกัด และใส่รายละเอียดงานที่ต้องปฏิบัติได้สูงสุด 10 รายการ