
EIA หรือ Environmental Impact Assessment คือการประเมินผลกระทบจากโครงการพัฒนาที่มีต่อธรรมชาติ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อโครงการที่อยู่อาศัยอย่างคอนโดมิเนียม หรือบ้านจัดสรรที่เข้าข่ายเกณฑ์ดังกล่าว
ทุกคนคงจะเคยได้ยินชื่อของ EIA กันมาบ้าง อย่างน้อย ๆ ตอนที่เดินทางผ่านโครงการก่อสร้างคอนโดมิเนียมก็คงจะเคยเห็นป้ายที่บอกว่า โครงการนี้ผ่าน EIA แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า EIA นั้นคืออะไร และมีความสำคัญอย่างไร ทั้งต่อเจ้าของโครงการ และผู้ซื้อ วันนี้ The LivingOS จะมาเล่า 5 เรื่องที่ควรรู้เกี่ยวกับการจดทะเบียน EIA ของโครงการบ้านและคอนโด เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและเห็นความสำคัญ ก่อนตัดสินใจก่อสร้างหรือซื้อโครงการ
1. EIA คืออะไร และต้องมีการประเมินในด้านไหนบ้าง
EIA หรือชื่อเต็ม Environmental Impact Assessment คือ การทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เป็นการศึกษาผลกระทบทางบวกและทางลบของโครงการ เพื่อวางมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่โครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรในเมืองเท่านั้นที่ต้องจัดทำ EIA แต่โครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ ทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน อย่างโครงการตัดถนน หรือโครงการ Mixed-used ก็ต้องดำเนินการจัดทำ EIA
การประเมินและจัดทำ EIA จะประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 4 ด้าน* ได้แก่
- ด้านทรัพยากรกายภาพ เป็นการศึกษาผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับด้านกายภาพอย่าง ดิน น้ำ อากาศ และเสียง
- ทรัพยากรชีวภาพ เป็นการศึกษาถึงผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงที่มีต่อระบบนิเวศ สัตว์ และพืชต่าง ๆ เช่น สัตว์น้ำ สัตว์ป่า ต้นไม้ ป่าไม้ ปะการัง
- คุณค่าการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ เป็นการศึกษาถึงผลกระทบที่มีต่อการนำไปใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของมนุษย์ ทั้งในแง่ของกายภาพและชีวภาพ อย่างการใช้ประโยชน์ที่ดิน
- คุณค่าต่อคุณภาพชีวิต เป็นการศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อคน ชุมชน สังคม เศรษฐกิจ ความเชื่อ ทัศนียภาพ วัฒนธรรม การประกอบอาชีพ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
*ที่มา : สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยในรายงาน EIA จะมีรายละเอียดของผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น มาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมถึงการติดตามการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมหลังการก่อสร้างและดำเนินโครงการ
2. ข้อดีของการทำ EIA มีอะไรบ้าง
หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมโครงการคอนโดมิเนียมจะต้องจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA และมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องทำ EIA
- ช่วยป้องกันผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมที่อาจจะเกิดขึ้น หรือหาทางป้องกันผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการนั้นให้น้อยที่สุด เพราะทรัพยากรธรรมชาติเมื่อถูกทำลายแล้วยากที่จะฟื้นคืนมาได้ หรือต้องอาศัยระยะเวลาในการฟื้นฟู
- เป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะดำเนินโครงการนั้นต่อหรือไม่ หากว่ามีผลกระทบหรือค่าใช้จ่ายในการดำเนินการมากเกินไป ผู้ประกอบการอาจจะตัดสินใจยกเลิกการดำเนินโครงการนั้น ๆ
- เพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อและผู้ลงทุน หากโครงการดังกล่าวผ่าน EIA แล้ว ก็สามารถดำเนินการได้อย่างมั่นใจ
3. โครงการที่อยู่อาศัยที่ต้องจดทะเบียน EIA
สำหรับการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมบังคับให้ดำเนินการโครงการหรือกิจการที่อาจจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนในแง่ต่าง ๆ อย่างรุนแรง โดยโครงการที่อยู่อาศัยที่เข้าข่ายจะประกอบไปด้วยโครงการดังต่อไปนี้
- โครงการคอนโดมิเนียมที่มีตั้งแต่ 80 ยูนิตขึ้นไป หรือมีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 4,000 ตร.ม. ขึ้นไป
- โครงการบ้านจัดสรรที่มีจำนวนที่ดินแปลงย่อยตั้งแต่ 500 แปลงขึ้นไป หรือมีเนื้อที่มากกว่า 100 ไร่
อย่างไรก็ตาม โครงการที่มีขนาดเล็กกว่านี้ แม้จะไม่ต้องทำรายงาน EIA แต่ก็อาจจะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environmental Evaluation: IEE) เพื่อเป็นหลักในการพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น และเป็นหลักในการพิจารณาว่าโครงการดังกล่าวจะต้องจัดทำ EIA หรือไม่
4. ขั้นตอนในการทำ EIA
การจัดทำ EIA นั้น จะต้องดำเนินการจัดทำโดยนิติบุคคลที่ได้รับอนุญาตในการจัดทำ EIA จากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเท่านั้น โดยเจ้าของโครงการจะต้องว่าจ้างนิติบุคคลดังกล่าวในการจัดทำ โดยมีขั้นตอนการดำเนินงานต่อไปนี้
- เจ้าของโครงการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญในการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
- ส่งรายงานให้แก่สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตรวจรายงาน
- คณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา
- หากผ่านความเห็นชอบจะจบกระบวนการพิจารณา และสามารถดำเนินโครงการต่อได้
5. โครงการไม่ผ่าน EIA จะต้องทำอย่างไร
เมื่อเสนอรายงาน EIA ไปแล้ว แต่ไม่ผ่านความเห็นชอบ ผู้ดำเนินการหรือผู้ที่ขออนุญาตจะต้องจัดทำรายการใหม่ โดยต้องปรับปรุงแก้ไขผัง รูปแบบอาคาร หรือมาตรการเกี่ยวกับการลดและป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายใน 180 วัน จากนั้นนำเสนอต่อคณะกรรมการฯ อีกครั้ง หากคณะกรรมการฯ เห็นว่าแก้ไขข้อบกพร่องจนสามารถลดผลกระทบดังกล่าวได้แล้ว ก็จะให้ความเห็นชอบ และสามารถดำเนินโครงการดังกล่าวได้ แต่หากว่าไม่แก้รายงานภายใน 180 วัน โครงการดังกล่าวจะไม่ได้รับความเห็นชอบโดยอัตโนมัติ
สำหรับเจ้าของโครงการและผู้ซื้อสามารถตรวจสอบสถานะโครงการที่ผ่าน EIA แล้วได้ที่ http://eia.onep.go.th หากเจ้าของโครงการไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการฯ สามารถนำคดียื่นต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน
หลังจากที่โครงการได้รับความเห็นชอบและเปิดโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าของโครงการจะต้องดำเนินการส่งรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมปีละ 2 ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม และเดือนมกราคมของปีถัดไป หากไม่ดำเนินการส่งรายงานฯ จะต้องโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือจำคุกไม่เกิน 2 ปี
สำหรับเจ้าของโครงการหรือผู้ประกอบการที่ต้องการผู้ช่วยในการจัดทำรายงาน EIA ที่ดูแลตั้งแต่เริ่มตรวจสอบ จัดทำรูปเล่ม เสนอแนะการแก้ไขปัญหา จนกระทั่งส่งเล่มจริง The LivingOS พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยดูแลคุณได้ทุกขั้นตอน ผู้ที่สนใจหรือต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อเราผ่านช่องทางต่อไปนี้
โทรศัพท์ 02-481-5234
Line@ : @thelivingos
E-mail : info@thelivingos.com